- dtac accelerate batch 6 ธีมหลักคือ ‘Let the Facts Talk, Get Real’ มุ่งนำเสนอผลงานที่ผ่านมา ติดตามผลว่าสตาร์ตอัพที่อยู่ในโครงการ
- dtac accelerate ประกาศความร่วมมือกับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ระดับโลก เช่น Google, Microsoft, Facebook, Amazon, Line เพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนให้สตาร์ตอัพไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด
- อย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์ของสตาร์ตอัพที่อยู่ในโครงการสามารถเติบโตและมีมูลค่ามหาศาล
นับเป็นเวลากว่า 8 ปีที่เมืองไทยรู้จักกับคำว่าสตาร์ตอัพ ซึ่งผู้ที่บุกเบิกเป็นรายแรกๆ ของเมืองไทยคงหนีไม่พ้นแพลทฟอร์มอีบุ๊คอย่าง Ookbee หรือแพลทฟอร์มเรื่องของกินอย่าง Wongnai จวบจนปัจจุบันที่สตาร์ตอัพไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นนับพันราย ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องด้วยความพร้อมของ startup ecosystem ที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก accelerator house อย่าง dtac accelerate ซึ่งได้เข้าสู่ปีที่ 6 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
หนึ่งในหัวเรือสำคัญของการขับเคลื่อนดังกล่าวคงหนีไม่พ้น “คุณเหม็ง-สมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์” ผู้อำนวยการโครงการ dtac accelerate ที่ได้พัฒนาจนกล้าพูดได้ว่าเป็น accelerator house อันดับ 1 ของเมืองไทยและอันดับต้นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนได้รับเชิญไปร่วมเป็น Mentor ในโครงการ Google Launchpad ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกาคนไทยหนึ่งเดียวใน โครงการ Google Launchpad Accelerator 2018
โครงการ Google Launchpad Accelerator เป็นโครงการที่รวมสตาร์ตอัพเพียง 24-31 ทีมจากทุกทวีปทั่วโลกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เนื่องจากสตาร์ตอัพแต่ละทีมล้วนมีปัญหาแตกต่างกัน จึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมี mentor คอยให้คำแนะนำปรึกษาเฉพาะจุด รวมถึงเรียนรู้ไปด้วยกันในระหว่างกระบวนการ เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพและมูลค่าของสตาร์ตอัพในโครงการ ในรายชื่อ mentor นอกจากคุณเหม็งแล้วยังมี mentor ระดับโลกอย่าง Jake Knapp ผู้เขียนหนังสือสตาร์ตอัพที่ถือเป็นตำราหลักของคนในแวดวงสตาร์ตอัพทั่วโลกต้องอ่าน และการพบกันของ mentor จึงเปิดโอกาสให้ได้ทำความรู้จักกันและกัน พร้อมทั้งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด ความสนใจ และความรู้ ต่อยอดสู่ความร่วมมือเกี่ยวกับสตาร์ตอัพในอนาคตได้
แน่นอนว่าการที่ได้ร่วมโครงการกับกูเกิล ทำให้คุณเหม็งได้เห็นโมเดลการทำงานของกูเกิล ถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญเพื่อนำประยุกต์ใช้พัฒนาสตาร์ตอัพในโครงการ dtac accelerate กูเกิลไม่เคยหยุดนิ่งกับเทคนิคหรือเครื่องมือเดิมๆ ไม่เคยใช้เครื่องมือซ้ำ แต่จะพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก เช่น การใช้ OKR หรือ Objectives and Key Results ในการวัดผลสตาร์ตอัพ
Batch 6 กับธีม Get it Real!!
ในปีนี้โครงการจะมุ่งเน้นแง่มุมของสิ่งที่มันเกิดขึ้น โดยมีธีมหลักคือ ‘Let the Facts Talk, Get Real’ มุ่งนำเสนอผลงานที่ผ่านมา ติดตามผลว่าสตาร์ตอัพที่อยู่ในโครงการแต่ละทีมนั้นเป็นอย่างไรบ้าง โดยปีที่แล้วมีสตาร์ตอัพสมัครเข้ารวมโครงการร่วม 600 ทีม แต่ถูกคัดเลือกให้เข้าโครงการแค่ 12 ทีม หรือประมาณเพียง 2% เท่านั้น เนื่องการมีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ต้องเข้มงวดในทุกกระบวนการคัดเลือกเพื่อให้ได้สตาร์ทอัพที่ดีที่สุดของประเทศ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากปีที่แล้วคือมีสตาร์ตอัพที่เกี่ยวข้องกับ AI Machine Learning และ Heath Tech ค่อนข้างเยอะ เช่น Ricult ซึ่งเป็นสตาร์ตอัพที่ บิล เกตส์ ร่วมลงทุนด้วย หรือสตาร์ตอัพที่เกิดขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (domain expert) อย่าง Health at Home สิ่งเหล่านี้คือจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ ซึ่ง batch 6 จะแสดงให้เห็นถึงสตาร์ตอัพไทยที่แข็งแรงแบบนี้มากยิ่งขึ้น
เป็นที่ทราบกันดีกว่าไม่มีสูตรสำเร็จในการสร้างสตาร์ตอัพ แต่สตาร์ตอัพที่ประสบความสำเร็จล้วนมีความเหมือนกันบางอย่าง หนึ่งในนั้นคือการมีทีมที่แข็งแรง ในโครงการ dtac accelerate เรียกว่า 3Hs ประกอบด้วย Hustler คือ คนที่มี passion กับธุรกิจที่ตัวเองทำ มีความเชื่อในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มากๆ Hacker คือคนที่สามารถใช้เทคโนโลยีในการตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ และ Hipster คือคนที่สามารถเข้าใจบริบทของลูกค้า
คุณเหม็ง ได้กล่าวต่อว่า ความพิเศษของปีนี้คือการประกาศความร่วมมือกับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้น ทั้งระดับโลก เช่น Google, Microsoft, Facebook, Amazon และ Line รวมถึง Local partners อย่าง ปตท. Siriventure โดยแสนสิริ และเมืองไทยประกันชีวิต เพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนให้สตาร์ตอัพไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดดและสร้างประโยชน์ได้สูงสุด
ภาพรวมสตาร์ตอัพในประเทศไทย
dtac accelerate มองภาพรวมและพัฒนาการของสตาร์ตอัพไทยว่าดีขึ้นแต่ยังไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น ย้อนกลับไป 5 ปีที่แล้ว ช่วงนั้นจำนวนเงินที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย มีเพียง 2-3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปัจจุบันตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ประมาณปีละร้อยกว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ โตขึ้นเกือบร้อยเท่า แต่ยังถือว่าน้อยถ้าเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศสิงคโปร์ และประเทศอินโดนีเชีย ส่วนหนึ่งเกิดจากภาคการศึกษา บุคลากร ความก้าวหน้าของนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมถึงการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐ และภาคเอกชน
ดีแทครู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจอย่างมากที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนสตาร์ตอัพไทย ส่งผลให้อย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์ของสตาร์ตอัพที่อยู่ในโครงการสามารถเติบโตได้และมีมูลค่ามหาศาล อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญของดีแทคคือ การสร้างสตาร์ตอัพไทยที่ไปไกลระดับโลกได้
สูตรของสตาร์ตอัพคือเป็นธุรกิจที่ 80 เปอร์เซ็นต์ไปไม่รอด อีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นซอมบี้ ไม่ตายแต่ก็เลี้ยงไม่โตหรือที่เรียกว่า Zombie มีโอกาสน้อยที่จะไปต่อได้ ส่วนโอกาสที่จะไปได้ไกลระดับโลกมีเพียง 0.04 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าใน 100 ทีม มีไม่ถึง 1 ทีม ดังนั้น dtac accelerate จึงดูแลสตาร์ตอัพในโครงการตั้งแต่เข้าร่วม และจะดูแลตลอดไปเหมือนครอบครัว จนกว่าสตาร์ตอัพในโครงการจะไม่ต้องการเรา นี่คือหน้าที่ของ dtac accelerate