เมื่อคิดถึงความอร่อยไม่ใกล้ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ของดีแทค เรามักคิดถึงย่านสะพานเหลืองเป็นอันดับแรก ก็จะมีที่ไหนอีกที่ตั้งอยู่ในระยะเดินถึงแบบยังไม่ทันเหนื่อย มีร้านค้าเรียงรายทั้งเป็นตึกแถวและรถเข็นให้เลือกกินเมนูโปรด แถมยังเปิดตั้งแต่กลางวันยันดึกดื่นแบบไม่ปล่อยให้ใครต้องหิว
น่าเสียดายที่วันนี้สะพานเหลืองไม่สดใสอย่างเคย
เผื่อใครยังไม่รู้ ย่านของกินเก่าแก่แห่งนี้กำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงระลอกใหญ่ ตึกแถวบางช่วงกำลังจะกลายเป็นคอนโดสูง เหมือนกับหลายๆ ย่านเด็ดที่ปัจจุบันกลายเป็นเพียงตำนานอย่างสุขุมวิท 38 และสวนหลวงที่ร้านรวงต่างแตกกระเซ็นไปตามยุคสมัยของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Gentrification ที่เกิดจากการพัฒนาของสังคมเมือง ทำให้ร้านรวงเจ้าเด็ดที่เคยครองพื้นที่ต้องย้ายไปจับจองทำเลใหม่ในย่านอื่น บางร้านก็เตรียมการปิดถาวร จนนักชิมส่วนหนึ่งที่เคยแวะเวียนมาทั้งวันจากไปพร้อมกับร้านเหล่านั้น รู้ตัวอีกที สะพานเหลืองก็เงียบเหงาไม่เหมือนเดิม
เพราะอย่างนี้ ในวันฟ้าครึ้มวันหนึ่ง เราจึงพาตัวเองไปคุยกับพ่อค้าแม่ค้าผู้อยู่คู่ชุมชนสะพานเหลืองมายาวนาน เพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำที่พวกเขามีต่อพื้นที่ และความทรงจำที่เรามีต่อพวกเขา เผื่อวันหนึ่งที่นี่เปลี่ยนไป เราจะได้ไม่ลืม
คุณลุงชัยเจริญ ศรีพิมลวรรณ
ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อหยกแสง
เปิดกิจการมาแล้ว 60 กว่าปี
“ร้านนี้ทำมาตั้งแต่รุ่นปู่แล้ว แต่ก่อนอยู่ในซอยแล้วก็ย้ายออกมาข้างนอกตั้งแต่ปี 2516 ส่วนมากคนที่มากินก็รู้จักกัน กินตั้งแต่รุ่นปู่ ถ้าอยากเห็นต้องมาวันอาทิตย์ มากันตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นลูก จนลูกเขาแต่งงานมีหลาน หลานก็มากิน นอกจากนี้คนที่มากินก็จะเป็นพนักงานบริษัทแถวนี้ เป็นวัยรุ่นหน่อย
“เราไม่ค่อยได้เปลี่ยนอะไรเลย โต๊ะทั้งชุดที่คุณนั่งอยู่ก็อยู่มาตั้งแต่ปี 2516 แต่แถวนี้เปลี่ยนไปเยอะมาก สมัยก่อนตรงถนนหน้าบ้านที่เห็นจะเป็นคลอง มีรางรถไฟและรางรถราง เมื่อก่อนเวลาจะข้ามถนนมายังบ้านจะต้องข้ามสะพานไม้เล็กๆ ทาสีเหลือง เขาถึงเรียกย่านนี้กันว่าย่านสะพานเหลือง ตอนเย็นๆ พวกผู้ชายเหมือนในหนังเรื่อง 2499 อันธพาลครองเมือง ก็จะออกมานั่งตากลมริมสะพานกัน
“ก๋วยเตี๋ยวที่ร้านเราทำเองหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้น เนื้อเปื่อย เนื้อตุ๋น แต่มันก็ต้องมีคนรับช่วงต่อ ลูกผมก็กำลังตัดสินใจ หลานผมก็ยังคิดๆ อยู่ ถ้าเขาจะทำเราก็ต้องสอนและคงจะยกร้านให้เขา”
คุณป้าจารุวรรณ ชุติวราภรณ์
ร้านเจ๊เจี่ยเย็นตาโฟ
เปิดกิจการมาแล้ว 52 ปี
“เราอยู่แถวนี้มาตั้งแต่เกิด ถึงตอนนี้ก็ 70 ปีแล้ว สมัยก่อนมีร้านเย็นตาโฟน้อยมากแต่คนชอบกิน พอเราเปิดร้านก็เลยขายดีตั้งแต่ต้น กี่ปีๆ ลูกค้าก็ยังมากิน เขาบอกว่าน้ำซุป ลูกชิ้นกุ้ง และเกี๊ยวทอดของเราไม่เหมือนที่อื่น เวลามีคนบอกว่าอร่อย เราฟังแล้วก็อยากทำให้ดีขึ้น เขาเชื่อใจเรา เราก็ต้องดีกว่าเก่า
“ทุกอย่างเราทำเองหมด บางทีก็ห่อเกี๊ยวหรือทอดลูกชิ้น เราทำเองเลยรู้ว่ามันสะอาด บางร้านปล่อยให้ลูกน้องทำ ล้างไม่ล้างก็ช่าง มันเหนื่อยก็จริงแต่เราก็ดีใจที่ทำแล้วติดตลาด บางคนก็บอกว่าลื้อไม่ต้องทำแล้ว ให้ลูกน้องทำแล้วคอยเก็บเงินอย่างเดียว เราก็บอกว่าถ้าของไม่ดีมันก็จะไม่มีเงินให้เก็บนะ ตอนนี้ยังทำไหวก็ทำ เป็นการบริหารร่างกายเราด้วย
“ใจหายเหมือนกันพอเห็นบางร้านจะย้ายไปที่อื่น เขาอยู่กันมานานทั้งนั้น ถ้าเราต้องย้าย ยังไงก็เสียใจเพราะเราทำมาหากินอยู่ตรงนี้ แต่เราก็ต้องพยายามเก็บเงินก้อนหนึ่งเผื่อต้องย้ายจริงๆ ที่คนแถวนี้อยู่กันมานานเพราะสถานที่มันเดินทางสะดวก น้ำก็ไม่ท่วม อาหารการกินเยอะ ใครจะย้ายไปอยู่ไกลๆ มันติดที่ไปแล้ว เดี๋ยวก็ต้องกลับมา”
คุณป้าสุดา เจริญสุขมงคล
ร้านขนมปังสะพานเหลือง
เปิดกิจการมาแล้ว 40 กว่าปี
“ร้านเราเป็นร้านเบเกอรี่ ทำกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่แล้ว แต่ก่อนขายอยู่ที่เมอร์รี่คิงส์ วังบูรพา แล้วก็ย้ายมาอยู่ที่นี่สัก 20 ปีได้ รวมๆ ก็ประมาณ 40 ปี ลูกค้าบางคนบอกว่าหนูกินตั้งแต่ยังเรียนอยู่ จนเรียนจบแล้วหนูก็ยังมาซื้อ ได้ยินอย่างนั้นเราก็ดีใจเพราะของเราอร่อย ถูกด้วย บางทีซื้อเต็มถุงราคาร้อยเดียวเอง ตอนนี้ไม่มีที่ไหนขายราคานี้แล้ว
“แถวนี้ลูกค้า พ่อค้า แม่ค้า รู้จักกันหมด ทุกคนช่วยเหลือกัน บางทีลูกค้าสั่งขนมไว้แล้วเขามารับไม่ทัน เราปิดร้านก่อน เราก็บอกลูกค้าว่าให้มาเอาที่อาเจ็กร้านข้างๆ ได้ แต่ก่อนแถวนี้จะคึกคักมากเพราะของกินเยอะ แต่เดี๋ยวนี้คนซาลงแล้วเพราะเขากำลังจะย้ายร้านกันหมด ลูกค้าประจำที่มาซื้อเขาก็บอกว่าอย่าเพิ่งย้ายร้านไปไหนนะ (หัวเราะ)”
ถ้าวันนี้คุณไปที่สะพานเหลืองแล้วไม่เจอร้านในตำนานหลายๆ ร้านอย่างก๋วยเตี๋ยวเป็ดชื่อดังตั้งซุ่ยเฮง ร้านเจ๊เกียง ร้านยำเจ๊ศรีแล้วละก็ สามารถไปเยี่ยมเยือนอุดหนุนร้านเหล่านี้ได้ที่โครงการ The Stadium One บนถนนบรรทัดทอง สนามกีฬาแห่งชาติ