เบื้องหลัง @raytomorrow เข้าใจลูกค้ามากขึ้นผ่าน Instagram ของ เรวัฒน์ ตันกิตติกร

ในยุคปัจจุบันที่โซเชียล มีเดียเปรียบเสมือนปัจจัยที่ห้าของชีวิต แต่ละคนก็มีเหตุผลในการใช้ที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็เพื่อติดตามข่าวสาร บางคนใช้เป็นช่องทางในการแสดงตัวตนและไลฟ์สไตล์ หรือบางคนนั้นใช้เพื่อการทำงาน

Instagram @raytomorrow ที่ดูแล้วอาจจะเหมือนไดอารี่ภาพถ่ายของคนๆหนึ่ง แต่เบื้องหลังคือบทเรียนการถ่ายภาพ บันทึกการเดินทาง และพื้นที่เรียนรู้ในการทำงานเพื่อเข้าใจลูกค้าของ เรวัฒน์ ตันกิตติกร ซึ่งก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่ง Head of Channel Strategy and Partnership และปัจจุบันได้ก้าวขึ้นเป็นผู้อำนวยการอาวุโสสายงาน Channel Strategy ของ ดีแทค

จุดเริ่มต้นของ Instagram @raytomorrow

ผมเริ่มเส้นทางการถ่ายรูปด้วยเรื่องที่น่าตลกมากครับ แต่ก่อนผมเป็นคนถ่ายรูปแย่มาก ครั้งหนึ่งผมไปเที่ยวกับพี่คนหนึ่งที่เคยทำงานด้วยกัน เขาพูดว่า “เรวัฒน์ เธอตั้งใจถ่ายรูปหน่อยสิ” คือตอนนั้นยอมรับว่าถ่ายรูปแย่มาก จากโมเมนท์นั้น เราก็คิดมาตลอดว่าจะถ่ายรูปให้ดีขึ้น แต่ไม่เคยไปเรียน จนเวลาผ่านไปถึงประมาณปี 2016  ช่วงนั้นเรากำลังศึกษาเรื่อง digital adoption (การรับเทคโนโลยีแบบเต็มความสามารถและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด)ของลูกค้าอยู่ ก็เลยนั่งคิดว่า ทฤษฎีนี้หรือการ engagement ออนไลน์มันมีเยอะแยะเต็มไปหมดเลย  แต่ถามว่ารู้ไหมว่าต้องทำยังไง ก็รู้แค่ทฤษฎี แต่ไม่เคยเล่นจริง ก็เลยตัดสินใจลอง ทั้งที่เป็นคนไม่ชอบโซเชียล เพราะชอบความเป็นส่วนตัว ทีนี้พอเป็น Instagram มันมีข้อดีตรงที่มันซ่อนตัวตนของเราได้ระดับหนึ่ง

นำสิ่งที่เรียนรู้จาก @raytomorrow มาปรับใช้กับการถ่ายภาพและการทำงานอย่างไร?

พอเราเปิด Instagram เป็น public เราก็ลองดูว่าจะได้ engagement อย่างไร  โดยธรรมชาติของคนที่เล่นไอจีเนี่ยจะค่อนข้าง positive ไม่ค่อยมีดราม่า เพราะส่วนใหญ่จะเข้าไปดูรูป ตอนเริ่มเล่น พอเราลองโพสต์ ทำให้รู้ว่าถ้าอยากให้คนมา engage กับเรา เราต้องมีคอนเทนต์ ก็เลยเริ่มพยายามถ่ายรูป เริ่มจากวิธีบ้านๆเลยครับ ตอนนั้นซื้อกล้องมาถ่ายขำๆ ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นกล้อง mirrorless รุ่น Sony nex-5 แบบในปัจจุบันเลย

พอเรามีคอนเทนต์ เราก็เริ่มเรียนรู้วิธี engage กับคนที่มาติดตาม จึงมีความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า เราเริ่มรู้ว่าจะเอา engagement บนแพลทฟอร์มออนไลน์ไปสร้างมูลค่าได้อย่างไร ทุกอย่างมันเริ่มมาจากการเล่น instagram ไปเรื่อยๆนี่แหละ

พอเราเล่น instagramไปเรื่อยๆ ได้ลองสร้าง activity หลายแบบๆ ก็จะรู้ว่า activity แต่ละแบบส่งผลต่อผู้ติดตามอย่างไรบ้าง จากที่ผมสังเกต ส่วนใหญ่คนไทยจะติดตามอินสตาแกรมเรื่องอาหารและไลฟ์สไตล์เป็นส่วนใหญ่ แต่สไตล์เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ทีนี้ก็ต้องมานั่งคิดว่าคอนเทนต์จะเป็นแบบไหนดี เพราะถ้าต้องการให้แอคเคาท์ของเรามันใหญ่จริง ๆ สไตล์ของเราต้องเฉพาะทางมาก ๆ  เช่น  สมมุติจะถ่ายรูปดอกไม้ ก็ต้องดอกไม้ตลอด ถ้าเกิดเป็นอาหาร ก็ต้องเป็นรูปอาหารตลอด ถ้าออกเดินทางไปถ่ายรูปทิวทัศน์ มันต้องมีเวลาเยอะมาก เอาอย่างนี้ดีกว่า ง่ายๆบ้านๆ คอนเทนต์ของเราจะถ่ายสิ่งที่เราประทับใจระหว่างการท่องเที่ยว

รูปภาพจาก @raytomorrow

พอสามารถวาง position ของคอนเทนต์ได้ ผมก็เริ่มลงมือลุยทันที เป้าหมายแรกผมอยากได้ผู้ติดตามหนึ่งร้อยคน แต่พอเริ่มโพสต์ ก็ไม่มีคนไลค์ เหมือนเราไม่มีตัวตน เลยต้องหาวิธีอื่น เช่นไปดูคอนเทนต์คนอื่นก่อน ไป engage ไปไลค์เขา เขาก็จะกลับมาหาเรา ทำไปเรื่อยๆ ซักพักเราก็ได้ผู้ติดตามร้อยคนแรก ก็มาตั้งเป้าต่อไป ห้าร้อย  หนึ่งพัน ไปเรื่อยๆ แต่หลังจากทำแบบนี้ไปสักพัก เราเริ่มเข้าใจว่าคนที่อยู่บนโลกโซเชียลต้องการอะไร และเริ่มมีผู้ติดตามเฉพาะทาง หลังๆก็จะมีผู้ติดตามที่เราคุยด้วยบ่อยๆ แต่ไม่ได้เป็นคนไทยนะ ญี่ปุ่นบ้าง อเมริกาบ้าง หรือแม้กระทั่งยุโรป

blank

blank

ภาพจาก Instagram @raytomorrow

เรียนรู้การถ่ายภาพผ่านการถ่ายภาพเพื่อ Instagram

เริ่มจากคำพูดของพี่คนนั้น “เธอตั้งใจถ่ายรูปหน่อยสิ” พอเรามี Instagram มันทำให้เราตั้งใจถ่ายภาพ พอเอารูปใน Instagram ให้รุ่นพี่คนนั้นดู เขาก็ชมว่า “เดี๋ยวนี้เธอถ่ายรูปสวยนะเนี่ย” ทำให้รู้ว่าความตั้งใจของเรานั้นเป็นผลสำเร็จ แม้ว่าจะไม่ได้เรียนถ่ายรูปมา แต่เรามองว่าทุกอย่างมันมีความเป็นวิทยาศาสตร์ของมันอยู่ ที่ผ่านมาก็เริ่มจากการดูรูปที่คนอื่นถ่าย พอเห็นเค้าถ่ายแบบนี้สวยก็ถ่ายตาม ส่วนตัวชอบสไตล์รูปของคนญี่ปุ่น ซึ่งจะแตกต่างกับพวกคนยุโรปหรือ คนอเมริกัน คนญี่ปุ่นจะชอบถ่ายรูปที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เราจึงมาทดลองตามบน Instagram ว่าลงรูปสไตล์นี้จะดึงคนได้มั้ย ไม่ใช่เรามองว่าสวยคนเดียว

จาก Instagram สู่การทำงาน

สิ่งที่เรียนรู้จากอินสตาแกรมแล้วเอามาใช้กับการทำงาน อันที่หนึ่งคือการวาง องค์ประกอบในรูป การวาง lay out  ทำอย่างไรไม่ให้รกเกินไป อีกเรื่องคือการสื่อสารที่เราจะเริ่มเข้าใจ เช่น เวลาแพลนพวกสื่อดิจิทัล มันสอนว่า อันนี้เวิร์ก อันนี้ไม่เวิร์ก หลายคนก็จะสงสัยว่าเราไปเรียนมาจากไหน เพราะเราทำงานแต่สายวิเคราะห์ อยู่แต่กับตัวเลข (หัวเราะ) ไม่น่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้

ถ้าถามว่าตอนนี้ผมเข้าใจการสื่อสารไหม ผมสามารถตอบได้เต็มปากว่าเข้าใจ แต่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ ถ้าอยากพูดให้รู้เรื่องๆ ใครก็ทำได้ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าคนที่เราต้องการสื่อสาร เค้าพูดอยู่กับใคร เค้ามองหาอะไร

เราต้องเรียนรู้แบ็คกราวน์ของคนที่เราต้องการสื่อสารด้วย มันจะทำให้เราเข้าใจเค้าได้มากขึ้น เช่นอย่างวันนี้พวกคุณมาคุยกับผม พวกคุณรู้เรื่องราวของผมมาก่อน มันก็คุยกันง่ายแล้ว

Instagram ที่อยากแนะนำ

Instagrammer ชาวญี่ปุ่นคนนี้ผมประทับใจมากๆ ชื่อ @kimisasa.7 เขาเริ่มเล่นช่วงเดียวกันกับผม ตอนแรกถ่ายรูปมาไม่สวยเลย ซึ่งเราส่องเค้ามาตั้งแต่แรก ก็ช่วยให้กำลังใจ  หลังๆมาเค้าเริ่มโฟกัสว่าเค้าควรถ่ายอะไร ซึ่งก็ได้เป็นรูปดอกไม้ ตอนนี้เค้าถ่ายเฉพาะรูปกุหลาบอย่างเดียว คนที่ไปติดตามเขาเยอะมาก จากเมื่อ3ปีที่แล้วถึงตอนนี้ คนติดตามเขาพุ่งสูงขึ้นมากเลยครับ

blank

ภาพจาก Instagram : @kimisasa.7

รูปที่คนกดไลค์มากที่สุด

รูปที่ได้ไลค์เยอะที่สุดเป็นรูปของตลาดน้ำทุ่งบัวแดงที่เมืองไทยครับ ซึ่งมีคนมาต่อว่าด้วยว่าไปจริงๆ ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย สำหรับผม มันคือเรื่องของมุมมองและจังหวะเวลาล้วนๆเลย (หัวเราะ)

blank

การเดินทางที่ประทับใจที่สุด

แต่ละทริปมีความประทับใจและเรื่องราวที่ต่างกัน ส่วนตัวประทับใจทุกครั้งที่ได้ไปญี่ปุ่น อย่างทริปแรกเมื่อหลายปีก่อนคือเมืองซับโปโร ซึ่งตอนนั้นแทบไม่มีนักท่องเที่ยวไปแถวนั้นเลย ทำให้เราได้สัมผัสวิถีชีวิต และนิสัยใจคอของคนญี่ปุ่นในแถบนั้นอย่างแท้จริง จึงประทับใจผู้คนมากๆ พอกลับมาที่ Instagram ของที่เราที่มีผู้ติดตามส่วนหนึ่งเป็นญี่ปุ่น เวลาเราโพสต์ภาพจากประเทศญี่ปุ่น คนบ้านเค้าจะเข้ามามี engage กับรูปเราเยอะมาก ทั้งมาไลค์และคอมเม้นต์ ซึ่งเรามองว่าเป็นคเค้ารักประเทศของเค้า และล่าสุดพึ่งกลับมาจากโอซาก้า อันนี้ประทับใจไปอีกแบบ พอเป็นเมืองใหญ่ก็ได้เห็นญี่ปุ่นในมุมที่แตกต่าง ผู้คนก็ไม่เหมือนกับซัปโปโรเลย

blank

ภาพประเทศญี่ปุ่นจาก Instagram @raytomorrow

ถ้ามีวันหยุดที่สามารถเดินทางไปไหนก็ได้ อยากจะไปที่ไหนที่สุด?

ถ้าเกิดลาได้เดือนนึง อยากนอนอยู่บ้านมากกว่า (หัวเราะ) แต่ถ้าพูดถึงทริปถัดไปที่มองเอาไว้ก็คือเมืองจีน จีนถือเป็นประเทศที่เปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ เคยไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วก็ไม่ได้คิดว่าเมืองจีนแย่ แค่คนไทยอาจจะกลัวเรื่องห้องน้ำ ส่วนตัวสนใจที่ประเทศจีนมีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเยอะอยู่แล้วก็มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน ถ้าไปดูที่สวยๆอย่างเดียว มันก็ไม่ได้อินเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ศึกษาประวัติศาสตร์และเข้าใจวัฒนธรรมของที่นั่นไปด้วยมันทำให้สนุกกว่า

blank