‘โจนส์สลัด’ เชนร้านสลัดเพื่อสุขภาพ ซึ่งก่อตั้งโดยคู่สามีภรรยาผู้เริ่มต้นทำทุกอย่างจากศูนย์นั้น ได้เปิดตัวสาขาที่ 10 ไปเป็นที่เรียบร้อยในปี 2562
สาขาแรกของร้านโจนส์สลัด ซึ่งเพิ่งเปิดตัวสาขาที่ 10 ไปเมื่อปี 2562 นี้ เป็นเพียงเคาท์เตอร์เล็กๆ ตรงชั้นใต้ดินของจามจุรีสแควรส์ แต่ทุกอย่างนั้นเริ่มต้นจากเนื้องอกขนาดเท่าผลส้ม ในสมัยที่อาริยะ คำภิโลตรวจพบเนื้องอกดังกล่าว เขายังเป็นเจ้าของร้านชานมไข่มุกร่วมกันกับเพื่อนกว่าสิบสาขา เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอก และแม้สุดท้ายจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเพียงเนื้องอกธรรมดา แต่แพทย์ก็สั่งให้เขาระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารมากขึ้น ซึ่งตอนนั้นเอง เขาค้นพบว่าทางเลือกอาหารสุขภาพนั้นมีน้อยมากในเมืองไทย
“ผมอยากเปิดร้านอาหารสุขภาพของตัวเอง แต่ทำอาหารไม่เป็น ความคิดดังกล่าวนั้นวนเวียนอยู่ในหัวผมมาโดยตลอด” เขากล่าว
อีกไม่กี่ปีถัดมา เขาได้รู้จักกับญาณิน ผู้ซึ่งเป็นนักชิมตัวยงและภายหลังกลายเป็นภรรยาของเขา ทั้งคู่ตกลงเป็นแฟนกันก่อนที่ญาณินจะเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย เธออาศัยอยู่กับสามีของน้าที่ชื่อมิสเตอร์โจนส์ ผู้ซึ่งมีฝีมือขึ้นชื่อในเรื่องการทำน้ำสลัด เมื่อเธอบอกให้อาริยะทราบ เขาก็ตัดสินใจเดินทางมายังประเทศออสเตรเลียเพื่อเรียนสูตรทำน้ำสลัดกับลุงของเธอ ก่อนจะเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ เพื่อเปิดร้านโจนส์สลัดสาขาแรกในปี 2556
“เดือนแรกที่เปิด ผมทำทุกอย่างคนเดียว ผมกังวลเพราะทำแล้วไม่ได้กำไร แต่มีลูกค้าหลายคนเข้ามาขอบคุณเราที่ทำอาหารแบบนี้ให้เขากิน บางคนมีปัญหาเรื่องน้ำหนักและเป็นโรคเบาหวาน พอกินสลัดของเราทุกวัน เขาลดลงมาได้สิบกิโล หรือบางคนไม่กินผักเลย แต่มากินได้ที่ร้านเรา สิ่งนี้ทำให้เรามีกำลังใจที่จะสู้ต่อ” เขาเล่า
หลังจากนั้นไม่นาน ญาณินก็ตัดสินใจเดินทางกลับจากประเทศออสเตรเลียเพื่อมาช่วยอาริยะบริหารร้านโจนส์สลัด โดยเธอได้ปรับการทำบัญชีให้เป็นระบบมากขึ้น รวมทั้งวางแผนขยายสาขาเพิ่มเติม ขณะที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปด้วยดี พวกเขาก็ถูกบีบให้ออกจากพื้นที่ตรงจามจุรี วันที่ทราบข่าวนั้นเป็นวันวาเลนไทน์และทั้งคู่กำลังจะออกไปรับประทานอาหารข้างนอกด้วยกัน “เรารู้สึกช็อกมาก แต่ก็พยายามสู้และต่อรองให้เขาหาที่ที่ดีและใหญ่ขึ้นให้เรา” ญาณินเล่า
เมื่อแบรนด์ค่อยๆ เติบโตขึ้น พวกเขาก็เริ่มทำคอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพบนเฟสบุ๊ก ซึ่งมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นกว่า 1 ล้านคนในระยะเวลาเพียง 3 ปี เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขายังได้เพิ่มเมนูใหม่ๆ อาทิ อาหารจานเคียงอย่างเมนูยำ ไปจนถึงสเต๊ก และโปเกะโบวล์ เพื่อให้เกิดความหลากหลายมากขึ้น
“พอมีเมนูใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ฐานลูกค้าเราก็กว้างขึ้นและครอบคลุมไปถึงกลุ่มครอบครัวด้วย ตัวเราเองก็มั่นใจยิ่งขึ้นเรื่องการขยายสาขา เพราะไม่ต้องจำกัดตัวเองอยู่แค่ย่านกรุงเทพฯ ชั้นในแล้ว” อาริยะกล่าว
พวกเขาวางแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 5 เป็น 15 แห่งในปี 2563 และมุ่งมั่นจะเจาะตลาดในกลุ่มธุรกิจจัดเลี้ยงมากขึ้นด้วย “ปี 2562 ถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญ เราขยายสาขาเพิ่มมา 4 แห่ง และเห็นการเติบโตในช่องทางการขายแบบเดลิเวอรี่ เรามองเห็นอนาคตชัดเจนตรงจุดนี้” ญาณินกล่าว ก่อนจะเสริมขึ้นว่า “ความท้าทายสำคัญของ SME คือการหาคนเก่งๆ เข้ามาร่วมงานกับเรา เราฝันจะเป็นองค์กรที่ใครก็อยากร่วมงานด้วย และทำให้ทั้งลูกค้าและพนักงานของเรามีความสุข เรามีพนักงานคนหนึ่งที่เคยทำงานได้วันละสามร้อยบาท แล้วตอนนี้ได้ขึ้นมาเป็นผู้จัดการ”
ในฐานะเชนร้านอาหาร ความชัดเจนเรียบง่ายและการสื่อสารอย่างราบรื่นนั้น เป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ นี่เองเป็นสาเหตุที่ในปี 2562 ร้านโจนส์สลัดทุกสาขานั้นเปลี่ยนมาใช้บริการของ dtac SME Worry Free
“ก่อนหน้านี้ แต่ละสาขาเราเปิดเบอร์กับต่างค่าย พอถึงสิ้นเดือน เราต้องมานั่งจ่ายบิลทีละใบ ต้องคอยกังวล คอยตาม มีอยู่ครั้งหนึ่ง เราลืมจ่ายบิลไปหนึ่งสาขาทำให้โทรศัพท์โดนตัด ทุกวันนี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดถูกรวมมาในบิลใบเดียว เราเลยไม่ต้องกังวลแล้ว” ญาณินกล่าว
อาริยะและแม่ของเขาเองเป็นลูกค้าของดีแทคมายาวนาน “ในช่วงปลายปี 2561 มีกระแสว่าดีแทคจะเลิกกิจการ ตอนนั้นผมกังวลหน่อยๆ เพราะใช้เบอร์นี้มานานมากแล้ว แต่พอมาเห็นโฆษณาว่าดีแทคเอาจริง ก็รู้สึกมั่นใจและจะใช้ต่อไป”
ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งคู่กำลังจะเริ่มต้นบทบาทในฐานะพ่อและแม่ ซึ่งถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต โดยเฉพาะสำหรับญาณิน ผู้ซึ่งปกติแล้วโหมงาน 7 วันต่อสัปดาห์
“ตอนนี้เราพยายามวางแผนแจกจ่ายงานให้คนอื่นและปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น นี่เป็นบทใหม่ของชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้น ยิ่งช่วงหลังๆ เรายิ่งรู้สึกตื่นเต้นกว่าเดิม เวลาเขาดิ้น เราสัมผัสได้เลยว่าเวลาใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว เราไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง แต่คงจะรู้สึกเติมเต็มกับชีวิตมากขึ้น”