เรื่องเล่าจากพนักงานดีแทค: เปิดนาทีแห่งความห่วงใยท่ามกลางวิกฤต

ปั้ง …  คงไม่มีใครคาดคิดว่า เสียงดังนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของ “โศกนาฏกรรม” ที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ถึง 30 ชีวิตและผู้บาดเจ็บอีก 58 คน (ข้อมูลเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 9 ก.พ. 2563)

ณ จุดเกิดเหตุใหญ่ที่ห้างสรรพสินค้า Terminal 21 โคราช เป็นเวลาพลบค่ำของวันเสาร์ เวลาที่สมาชิกคนในครอบครัวใช้เวลาร่วมกัน ผู้คนต่างออกมาจับจ่ายใช้สอย รับประทานอาหาร แต่เมื่อคนร้ายได้หลบหนีเข้าไปที่ห้างสรรพสินค้า พร้อมกราดยิงโดยไม่เลือกหน้า ทำให้เวลาแห่งความสุขกลายเป็นกาลแห่งความทุกข์ระทมทันที

สมชาติ อ่วมสนธิ์ หรือ เก่ง Officer, Cluster Prepaid ประจำจังหวัดนครราชสีมา หนึ่งในผู้ประสบเหตุโศกนาฏกรรมโคราช เล่าว่า “เวลานั้นเป็นเวลาประมาณ 5-6 โมงเย็นพอดี กำลังทานข้าวที่ฟู้ดคอร์ทชั้น 4 ตอนนั้นก็เห็นแล้วว่ามีข่าวการยิงกัน แต่ไม่คิดว่าจะลุกลามเข้ามาที่ห้าง เพราะตำแหน่งที่เกิดเหตุก่อนหน้าค่อนข้างไกลกับห้างสรรพสินค้า หลังจากผมกินข้าวเสร็จ กำลังจะลงไปที่ชั้น 2 เพื่อไปเข้าห้องน้ำ ทันใดนั้น ก็มีคนวิ่งกรูเข้ามากันที่ห้องน้ำ พร้อมกับส่งเสียงบอกให้หลบ”

เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ (ชาย) และล็อกประตู ขณะนั้นมีคนอยู่ในห้องน้ำ 15 คน รวมถึงแม่บ้านด้วย สิ่งแรกที่เขาทำคือการแจ้งข่าวกับครอบครัวว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรนะ ยังมีชีวิตรอดปลอดภัยดี พร้อมกันนั้น เขาก็แจ้งข่าวอัพเดทกับกลุ่มไลน์ที่ทำงาน นั่นคือ กลุ่ม dtac โคราช

“มีการให้กำลังใจและให้คำแนะนำว่าให้เซฟแบตมือถือไว้ แต่ไม่นานนัก แบตก็หมดลง เพราะตอนนั้นแบตเหลือน้อยอยู่แล้ว แต่ระหว่างที่ติดอยู่ในห้องน้ำ ผู้ประสบภัยก็มีการอัพเดทข่าวสารกันตลอดผ่านเฟสบุ๊กผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ คือตอนนั้นผมค่อนข้างมีกำลังใจดี ไม่ตื่นตระหนก พอประมาณ 4 ทุ่ม ก็เสียงเคาะประตูจากตำรวจและหน่วยกู้ภัยเข้ามาช่วยอพยพไปได้ โดยบอกให้ออกมาโดยเงียบที่สุดและก้มต่ำไว้ จนออกมาทางลานจอดรถหลังห้างสรรพสินค้าได้”

“แต่ความระทึกใจก็ยังไม่จบ เพราะระหว่างที่อพยพออกมาจากห้าง มีคู่แม่ลูกคู่หนึ่งอพยพออกมาด้วย แล้วแม่เกิดอาการเมื่อยล้าแขน จึงฝากให้ผมช่วยอุ้มเด็กให้ แต่เด็กก็ส่งเสียงร้องไห้ขึ้นมา ณ เวลานั้นกลัวคนร้ายได้ยินเหมือนกัน เหตุระทึกใจยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะระหว่างทางที่ไปจุดปลอดภัยที่ห่างจากห้างประมาณ 2 กิโลเมตร ก็ได้ยินเสียงปืนกราดยิงขึ้นอีก ตอนนั้นต่างคนต่างวิ่งหนีกระจายกันไป”

ตลอดระยะเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงราว 4 ทุ่ม ประกอบด้วยหลากหลายอารมณ์ แน่นอนว่าความตื่นเต้นพุ่งสูงสุด เพราะระหว่างที่ติดอยู่ในห้องน้ำ ก็มีหลายคนต้องการหนีออกไป แต่ก็ถือเป็นความเสี่ยง เพราะไม่มีใครรู้ว่าคนร้ายอยู่ที่ไหน ขณะเดียวกัน ก็มีซีนตลกเล็ก ๆ “มีคนที่ติดในห้องน้ำก็มีคนคิดว่า หรือเราควรย้ายไปห้องน้ำหญิง เพราะถ้าคนร้ายปวดเข้าห้องน้ำขึ้นมา อาจเลือกห้องน้ำชายก็ได้ ซึ่งสุดท้ายก็เป็นโชคดีที่ไม่ออกมา เพราะคนร้ายอยู่ตำแหน่งเดียวกัน แต่คนละชั้น”

“พอออกมาแล้วมีโอกาสได้ชาร์จแบต ก็ได้เห็นข้อความให้กำลังใจจากทีมดีแทคเยอะมาก รวมถึงผู้บริหารที่อยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วย ขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนมา ณ ที่นี้ครับ”

อัจฉรียา พานใหม่ หรือ ฟาง ผู้รับสิทธิ์บริหาร dtac Center สาขา Terminal 21 ก็เป็นอีกผู้ประสบภัยขณะเกิดเหตุ เธอเล่าว่า “เวลานั้น เธออยู่ที่ shop พอดี ซึ่งสิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือปิดประตูและก้มลงต่ำ ตอนนั้นมีคนติดอยู่ในร้าน 11 คน เป็นเจ้าหน้าที่ 5 คน คนขายของร้านตู้ 4 คน และมีลูกค้าดีแทคอีก 2 คน ซึ่งตอนนั้นทำอะไรไม่ได้ และระมัดระวังไม่ให้คนร้ายรู้ว่ามีคนอยู่ในร้าน สิ่งที่ทำได้คือรออย่างเดียว และอัพเดทข่าวสารว่าภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง มีการเคลียร์พื้นที่อย่างไร ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ในร้าน เราได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ดีแทคตลอดเวลา มีการสอบถามว่าปลอดภัยไหม หิวหรือเปล่า มีน้ำดื่มบ้างไหม ซึ่งต้องขอขอบคุณน้ำใจจากชาวดีแทคจริงๆ ค่ะ”

blank

ระหว่างที่รอคนมาช่วยเหลือนั้น เธอได้รับการประสานจาก วรีวัลย์ สังขทัต ณ อยุธยา หรือ กิ๊ก Head of Cluster ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือของดีแทค อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เธอทราบเหตุการณ์ เธอประสานงานกับน้องๆ ในทีมตลอดพร้อมกับขับรถมารอด้านนอกห้างสรรพสินค้า ในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินที่เธอจะทำได้

“ทันทีที่รู้เรื่อง เราก็ไลน์ติดต่อหาคุณฟางทันที เพื่อให้รู้ว่าที่ใครติดอยู่ข้างในบ้าง ในฐานะ Area Manager ผู้ดูแลพื้นที่ เมื่อเขาติดประสบภัย เราแสดงถึงความช่วยเหลือเต็มที่ จริงๆ แล้ว ไม่ใช่กับเฉพาะบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับดีแทค แต่คือกับผู้ประสบภัยทั้งหมด”

ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร เป็นพนักงาน พาร์ทเนอร์ หรือ ลูกค้า ทุกคนก็เป็นครอบครัวเดียวกัน #ทีมดีแทค